ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประชุม กกร.คงกรอบจีดีพี ปี 64 ขยายตัว 1.5-3.5% คาดหลังฉีดวัคซีน ศก.จะฟื้น

สรุปการประชุม กกร.คงกรอบจีดีพี ปี 64 ขยายตัว 1.5-3.5% คาดหลังฉีดวัคซีน ศก.จะฟื้น


เมื่อวันทั่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน  (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย มีความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/2564 ถูกกดดันจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ยังไม่คลี่คลายและมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะสั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจำเป็นต้องเร่งตรวจเชิงรุกและแยกผู้ติดเชื้อ และ 2) มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 รวมไปถึงการประคับประคองกำลังซื้อในประเทศ  ความท้าทายหลักจะอยู่ที่ตลาดแรงงานซึ่งมีความเปราะบาง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายจังหวัดได้ซ้ำเติมธุรกิจหลายประเภทที่ยังไม่ทันได้ฟื้นตัวจากการระบาดครั้งก่อน ทั้งนี้ คาดว่าแรงงานที่มีชั่วโมงการทำงานต่ำกว่าศักยภาพจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อโดยรวมลดลง

หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจสามารถกลับมาดำเนินได้อย่างต่อเนื่องในปี 2564  แม้เศรษฐกิจโลกในไตรมาสแรกของปี 2564 จะมีแนวโน้มชะลอลง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรคที่เข้มข้นในหลายประเทศ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเหล่านั้นเริ่มลดลง ประกอบกับหลายประเทศดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว และมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจะสามารถกลับมาผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคได้ในระยะถัดไป ซึ่งจะทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ตลอดจนความสามารถในการส่งมอบวัคซีนในหลายประเทศที่อาจกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป

กกร. ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้า และรองรับผลิตผลทางการเกษตรที่กำลังจะทยอยออกตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยขอให้ท่าเรือแหลมฉบังเปิดให้เรือแม่ขนาด 400 เมตร เข้ามามากที่สุด และลดค่าใช้จ่ายเพื่อจูงใจให้เร่งนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาให้มากขึ้น

เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามทิศทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคในประเทศต่างๆ ส่วนสถานการณ์ในประเทศ หากสามารถควบคุมสถานการณ์โรคระบาดให้อยู่ในวงจำกัด และผ่อนคลายมาตรการควบคุมที่จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ภายในไตรมาสแรก ประกอบกับมีมาตรการภาครัฐที่สามารถบรรเทาผลกระทบของภาคธุรกิจและกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุด ที่ประชุม กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ที่จะขยายตัวได้ในกรอบ 1.5% ถึง 3.5% ประมาณการการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 3% ถึง 5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.0%

กกร. ขอให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับเรื่องวัคซีน โดยให้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับต่างประเทศ ทั้งในภาคเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว (Vaccine Passport) ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐจัดทำกระบวนการและวิธีการในการฉีดและกระจายวัคซีนให้ชัดเจน และทั่วถึงเพียงพอต่อจำนวนประชากรในภายภาคหน้า รวมถึงแรงงานต่างด้าว โดยภาคเอกชนยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐเรื่องค่าใช้จ่าย โดยขอลดหย่อนภาษีเรื่องการฉีดวัคซีน

จากสถานการณ์ทางการเมืองในสหภาพเมียนมา กกร.มีข้อกังวลว่าหากมีการแทรกแซงทางการเมืองจากต่างประเทศ อาจส่งให้การค้าระหว่างไทยกับเมียนมาได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าจากไทย และขอให้การเปลี่ยนถ่ายอำนาจของรัฐบาลเมียนมาเป็นไปโดยสงบ และให้คงข้อตกลงหรือสัญญากับประชาคมต่าง ๆ

กกร. ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการ Regional Digital Trade Connectivity (RDTC) ของ ASEAN-BAC ภายใต้ชื่อโครงการ Digital Trade Connect ที่ ASEAN-BAC ประเทศไทยเป็นผู้ผลักดัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลา และสร้างโอกาสให้ SME เข้าถึงการค้าระหว่างประเทศและเข้าถึงสินเชื่อได้ดีขึ้น โดยดำเนินการเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมการค้าขายระหว่างประเทศจากเดิมที่เป็นการทำด้วยกระดาษที่ต้องมีการนำเข้าข้อมูลเดียวกันในระบบผู้เกี่ยวข้องหลายครั้งมาเป็นการทำที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันผ่านระบบดิจืทัล ผ่านการทำงานในการสร้าง Compatibility และ Connectivity ให้เกิดขึ้นในภูมิภาคที่ทำธุรกรรมการค้าแบบดิจิทัลร่วมกัน และที่ประชุมอยากให้ผลักดันให้โครงการดังกล่าวและโครงการ National Digital Trade Connectivity (NDTP) ของประเทศไทยให้สำเร็จและเกิดผลได้โดยเร็ว (ที่มา Thai Chamber)

Cr. Sanan Angubolkul

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นายกฯ เชื่อมั่นงานตรุษจีน เยาวราช ปี 2567 ปลอดภัย จัดยิ่งใหญ่แน่นอน

วันนี้ (26 มกราคม 2567) เวลา 09.00 น. ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำคณะผู้จัดงานตรุษจีนเยาวราช เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อมอบเสื้อตรุษจีน ซึ่งมีสัญลักษณ์ “มังกร” จากภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี  2567 ณ บริเวณถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งวันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีนได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และหวังว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยทาง ท

ประธานชุมชนโปลิศสภา ตลาดน้อย จัดงานวันเด็ก 2567

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567 เวลา 15.30 น. ณ ชุมชนโปลิศสภา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต 1 พรรคก้าวไกล (พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ บางรัก ดุสิต) นาย กำแหง ตันกำแหง ผู้บริหารบริษัท อุดมกิจฟิตติ้งวาล์ว จำกัด, บริษัท ยู.แทรเวล วาเคชั่นส์ จำกัด ร่วมกับนายวรเมธ จงโอฬาร (เฮียเกิด) ประธานชุมชนโปลิศสภา เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และผู้ใหญ่ใจดี มาร่วมแจกของวันเด็ก เพื่อสร้างสีสันและความสุขให้แก่เด็กๆ ในพื้นที่อย่างมีความสุขและอิ่มแบบจุกจุก ภายในงานมีอาหารบริการให้ผู้เข้าร่วมงานให้อิ่มๆพร้อมมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านทุกท่าน #ชุมชนโปลิศสภา #ตลาดน้อย #สัมพันธวงศ์ #ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี #วันเด็ก2567

กรมการท่องเที่ยว นำทีมผู้ประกอบการไทยรับ 23 รางวัล ASEAN Tourism Awards 2024 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ยกระดับอาเซียน

กรมการท่องเที่ยว นำทีมผู้ประกอบการไทยรับ 23 รางวัล ASEAN Tourism Awards 2024 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ยกระดับอาเซียน จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเข้าสู่มาตรฐาน ตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ฉบับที่ 2 พ.ศ.2559-2568 (ASEAN Tourism Strategic Plan: ATSP 2016-2025) ซึ่งกรมการท่องเที่ยวมีภารกิจในการพัฒนาและส่งเสริมมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 56 มาตรฐาน รวมถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน ในปีนี้กรมการท่องเที่ยวจึงได้ดำเนินการตรวจประเมินและให้การรับรองแก่สถานประกอบการและชุมชน ตามมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียนทุกมาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานโรงแรมสีเขียวอาเซียน มาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนอาเซียน มาตรฐานโฮมสเตย์อาเซียน มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะอาเซียน และมาตรฐานเมืองท่องเที่ยวสะอาดอาเซียน ทำให้คว้ารางวัลมาได้จำนวน 23 รางวัล เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้นำคณะผู้แทนหน่วยงานและผู้ประกอบการเข้าร่วมพิธีการรับรางวัลการท่องเที่ยวอาเซียน ปี