วันที่ 7 มิถุนายน 2566 ท่านดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2566 ตามคำเชิญของท่านคอลิด บิน อับดุลอะซีซ อัลฟาลิห์ (Khalid bin Abdulaziz Al-Falih) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบีย
ช่วงเช้า นายดอนและคณะได้หารือกับท่านคาหลิด อับดุล อะซีส อัลฟาลิฮ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุฯ จากนั้นได้หารือกับมิสเตอร์อับดุลเราะห์มาน อัล-ฟากีห์ ซีอีโอของหน่วยงานความร่วมมือด้านธุรกิจพื้นฐานซาอุดี (SABIC) หลังจากนั้นท่านดอนและท่านคาหลิดได้ร่วมกันเป็นประธานร่วมในการหารือโต๊ะกลมเพื่อติดตามความคืบหน้าของความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนระหว่างกันในสาขาหลักๆ 6 ด้าน
ประกอบด้วย 1)พลังงานทางเลือก 2)อุตสาหกรรมปิโตรเคมิคอล 3)วัสดุก่อสร้างและแพคเกจจิ้ง 4)เกษตรกรรมและอาหาร 5)เกมและอีสปอร์ต และ 6)ท่องเที่ยว การโรงแรม อุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ โดยมีเจ้าชายไฟซาล บิน บันดร บิน ซุลตาน อาล ซะอูด ประธานสหพันธ์กีฬาอี-สปอร์ตของซาอุฯ เข้าร่วมในการหารือดังกล่าวด้วย
ท่านคาหลิดกล่าวถึงการเยือนต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกันในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุฯ เพื่อเข้าร่วมประชุมกับผู้นำเอเปคที่ถือเป็นการเสด็จฯเยือนครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศ ท่านคาหลิดกล่าวว่า นับตั้งแต่มีการหารือว่าจะมีการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน ในปี 2565 ตัวเลขการค้าการลงทุนเพิ่มขึ้น 40% ขณะที่เพียงแค่ 6 เดือนแรกของปีนี้ก็เติบโตขึ้น 23%
ซึ่งถือว่าน่าทึ่ง ซาอุฯ พร้อมเปิดรับนักลงทุนไทยและพร้อมรับนักธุรกิจนักลงทุนไทยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่ว่าเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ หรือธุรกิจโรงแรมแบบบูทีคให้เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของซาอุฯ โดยเราพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านกฎระเบียบต่างๆ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเงินทุน
ท่านคาหลิดกล่าวด้วยว่าเราอยากให้ธุรกิจอย่างชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยสร้างให้ซาอุฯเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานในระดับโลกและยังเห็นโอกาสในธุรกิจด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่ไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากโดยจากการที่มีโอกาสได้ใช้บริการด้วยตนเองทำให้ตระหนักว่า การดูแลสุขภาพในไทยดีกว่าที่ได้สัมผัสในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปเสียด้วยซ้ำ “เราไม่เพียงต้องการจับมือกับบริษัทไทยที่จะเข้ามาลงทุนในซาอุฯ แต่ยังให้บริษัทซาอุฯ เข้าไปลงทุนในไทยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนซึ่งเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่ไทยถือเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในอาเซียน ขอให้มั่นใจว่าความร่วมมือของสองประเทศจะมีความต่อเนื่องจนประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน”
ขณะที่ท่านดอนกล่าวว่า การเยือนซาอุฯ อย่างเป็นทางการในครั้งนี้นับเป็นวันครบรอบปีแรกของการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติ เมื่อปีที่ผ่านมาการค้าสองฝ่ายเติบโตขึ้นกว่า 37% และการเยือนครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทย แต่ที่สำคัญกว่าคือการรักษาพลวัตของความร่วมมือระหว่างกัน การหารือในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและขยายความร่วมมือของเรา เพื่อให้ทั้งสองประเทศเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตโลก (GVCs) ที่มีความยืดหยุ่นท่ามกลางการทวนกระแสโลกาภิวัตน์
ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของเรา การสำรวจลู่ทาง โอกาสใหม่ และการผนึกกำลังเพื่อความร่วมมือ ความมุ่งมั่นของเราจะเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะความท้าทายและทำให้เราบรรลุศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าในความสัมพันธ์ทวิภาคีของเรา
ที่มา : มติชนออนไลน์
ความคิดเห็น