ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปิดแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวมุสลิม 5 ปี ของกรมการท่องเที่ยว

เปิดแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวมุสลิม 5 ปี ของกรมการท่องเที่ยว

ยกระดับผู้ประกอบการไทย สร้างเม็ดเงินท่องเที่ยวมุสลิม พร้อมเดินหน้าส่งมอบต่อรัฐบาลใหม่ผลักดัน


หวังปักหมุดไทยเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวมุสลิมภายในปี 2570

วันนี้ (16 สิงหาคม 2566) กรมการท่องเที่ยวได้จัดการอบรมให้ความรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านบริการเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมชี้แจงแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570)  โดยมีวิทยากรจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สมาคมการค้า 

การท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน รวมถึงผู้ประกอบการจากธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สปา เวลเนสเพื่อสุขภาพ  และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังประมาณ 300 คน ผ่านระบบการประชุมทางไกล (online meeting)



ชาวตะวันออกกลาง อันเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 เพื่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรทั้งสอง และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก โดยในช่วงปี พ.ศ. 2560 – 2562 

มีนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 875,043 คน 767,318 คน และ 727,318 คน ตามลำดับ ก่อให้เกิดรายได้ 72,739.64 ล้านบาท 61,795.44 ล้านบาท และ 57,381.19 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเป็นกลุ่มที่มีวันพักเฉลี่ยประมาณ 13 วันต่อทริป และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 6,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ จึงเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง


แผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม ดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต ประกอบกับที่รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มนักท่องเที่ยว

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมโลก อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศที่ไม่ใช่รัฐอิสลาม (กลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม หรือ Non-OIC)  โดยประเทศ 3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ อังกฤษ และไต้หวัน  ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม คือ การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นพื้นฐานของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ยังพบว่า นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจากตะวันออกกลาง รวมทั้งจากประเทศมุสลิมและประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว

ที่สำคัญต่อประเทศจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วโลก โดยในปี พ.ศ. 2561 นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมมีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวทั่วโลกประมาณ 1.89 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.87 ล้านล้านบาท และภายในปี พ.ศ. 2567 คาดว่าจะใช้จ่ายสูงถึง 2.74 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8.51 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย ปี พ.ศ. 2562 : 1 USD =  31.047 บาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย)



นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช  อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า “ นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมทั่วโลกเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก คิดเป็นร้อยละ 10 ของนักเดินทางทั้งหมด และมีความต้องการเฉพาะ ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิมจำนวนมากเหล่านี้ เป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตของประชากรสูง และมีข้อกำหนดคล้ายคลึงกัน คือ ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม และยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีรูปแบบการเดินทางที่แตกต่างกันไป ตามอายุ เพศ และวัตถุประสงค์ของการเดินทาง  กรมการท่องเที่ยว จึงได้บูรณาการ

การทำงานร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา และเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันฮาลาล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมการค้า การท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว เพื่อเป็นทิศทางในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2566 – 2570 เพื่อสร้างเอกภาพและความร่วมมือในการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และกระบวนการผลิตสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และยกระดับการเข้าสู่มาตรฐานการบริการสำหรับกลุ่มตลาดนี้โดยเฉพาะ นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 5 ของจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิมภายในปี 2570

#ฝ่ายประชาสัมพันธ์ #กรมการท่องเที่ยว


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นายกฯ เชื่อมั่นงานตรุษจีน เยาวราช ปี 2567 ปลอดภัย จัดยิ่งใหญ่แน่นอน

วันนี้ (26 มกราคม 2567) เวลา 09.00 น. ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำคณะผู้จัดงานตรุษจีนเยาวราช เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อมอบเสื้อตรุษจีน ซึ่งมีสัญลักษณ์ “มังกร” จากภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี  2567 ณ บริเวณถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งวันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีนได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และหวังว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยทาง ท

ประธานชุมชนโปลิศสภา ตลาดน้อย จัดงานวันเด็ก 2567

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567 เวลา 15.30 น. ณ ชุมชนโปลิศสภา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต 1 พรรคก้าวไกล (พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ บางรัก ดุสิต) นาย กำแหง ตันกำแหง ผู้บริหารบริษัท อุดมกิจฟิตติ้งวาล์ว จำกัด, บริษัท ยู.แทรเวล วาเคชั่นส์ จำกัด ร่วมกับนายวรเมธ จงโอฬาร (เฮียเกิด) ประธานชุมชนโปลิศสภา เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และผู้ใหญ่ใจดี มาร่วมแจกของวันเด็ก เพื่อสร้างสีสันและความสุขให้แก่เด็กๆ ในพื้นที่อย่างมีความสุขและอิ่มแบบจุกจุก ภายในงานมีอาหารบริการให้ผู้เข้าร่วมงานให้อิ่มๆพร้อมมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านทุกท่าน #ชุมชนโปลิศสภา #ตลาดน้อย #สัมพันธวงศ์ #ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี #วันเด็ก2567

กรมการท่องเที่ยว นำทีมผู้ประกอบการไทยรับ 23 รางวัล ASEAN Tourism Awards 2024 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ยกระดับอาเซียน

กรมการท่องเที่ยว นำทีมผู้ประกอบการไทยรับ 23 รางวัล ASEAN Tourism Awards 2024 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ยกระดับอาเซียน จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเข้าสู่มาตรฐาน ตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ฉบับที่ 2 พ.ศ.2559-2568 (ASEAN Tourism Strategic Plan: ATSP 2016-2025) ซึ่งกรมการท่องเที่ยวมีภารกิจในการพัฒนาและส่งเสริมมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 56 มาตรฐาน รวมถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน ในปีนี้กรมการท่องเที่ยวจึงได้ดำเนินการตรวจประเมินและให้การรับรองแก่สถานประกอบการและชุมชน ตามมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียนทุกมาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานโรงแรมสีเขียวอาเซียน มาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนอาเซียน มาตรฐานโฮมสเตย์อาเซียน มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะอาเซียน และมาตรฐานเมืองท่องเที่ยวสะอาดอาเซียน ทำให้คว้ารางวัลมาได้จำนวน 23 รางวัล เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้นำคณะผู้แทนหน่วยงานและผู้ประกอบการเข้าร่วมพิธีการรับรางวัลการท่องเที่ยวอาเซียน ปี